ยินดีที่แวะมาเยี่ยม web blog ทักษะการจัดการความรู้ (KM) ทักษะการเรียนรู้ที่สำคัญและจำเป็นสำหรับผู้เรียนศตวรรษที่ 21 วิชาประวัติศาสตร์ กลุ่มสาระสังคมศึกษาฯ โรงเรียนเสลภูมิพิทยาคม ขอบคุณคุณครูชาญวิทย์ ปรีชาพาณิชพัฒนา และเพื่อนๆ ที่แนะนำให้คำปรึกษา

วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ประเทศเกาหลี

สาธารณรัฐเกาหลี (อังกฤษ: Republic of Korea; เกาหลี: 대한민국 (ฮันกึล); 大韓民國 (ฮันจา)) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า เกาหลีใต้ (อังกฤษ: South Korea) เป็นประเทศในเอเชียตะวันออก มีพื้นที่ครอบคลุมส่วนใต้ของคาบสมุทรเกาหลี พรมแดนทางเหนือติดกับประเทศเกาหลีเหนือ มีประเทศญี่ปุ่นตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้โดยมีทะเลญี่ปุ่นและช่องแคบเกาหลีกั้นไว้








ยุคหกอาณาจักร[แก้]
ในยุคนี้บนคาบสมุทรเกาหลีและในแมนจูเรียมีอาณาจักรต่าง ๆ ก่อตัวขึ้นจำนวนหกอาณาจักร คือ





อาณาจักรพูยอ ตั้งอยู่บริเวณทางตะวันออกเฉียงเหนือของแมนจูเรีย ก่อตั้งโดย พระเจ้าแฮบูรู ภายหลังถูกแบ่งออกเป็นสองอาณาจักร คือ ตงพูยอ และ พุกพูยอ อาณาจักรตงพูยอปกครองโดยพระเจ้าแทโซ ส่วนอาณาจักรพุกพูยอภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นอาณาจักรโคกูรยอปกครองโดยพระเจ้าดงเมียงซอง อาณาจักรตงพูยอถูกผนวกเข้ากับอาณาจักรโคกูรยอหลังการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าแทโซ
อาณาจักรทงเย เดิมทงเยเป็นมณฑลหนึ่งโกโชซ็อน หลังจากโกโชซ็อนล้มสลายลงและถูกแบ่งออกเป็น 4 แคว้นนั้น มณฑลทงเยจึงได้ก่อตั้งขึ้นเป็นอาณาจักร อยู่บริเวณทางตะวันออกเฉียงเหนือของคาบสมุทรเกาหลี อาณาจักรทงเยถูกผนวกเข้ากับอาณาจักรโคกูรยอในปี ค.ศ. 400 สมัยพระเจ้ากวางแกโตมหาราช
อาณาจักรอกจอ เดิมอกจอเป็นเพียงชนเผ่าเล็กๆที่ก่อตัวขึ้นบนคาบสมุทรเกาหลีในพุทธศตวรรษที่ 2 อาณาจักรอกจอตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของคาบสมุทรเกาหลีทอดตัวยาวตามทะเลญี่ปุ่น ทิศเหนือและทิศตะวันตกมีพื้นที่ติดกับอาณาจักรโคกูรยอทิศใต้มีพื้นที่ติดกับอาณาจักรทงเย อาณาจักรอกจอถูกแบ่งออกเป็นสองอาณาจักร คือ ตงอกจอ และพุกอกจอหรือชิคูรู อาณาจักรอกจอทั้งสองถูกผนวกเข้ากับอาณาจักรโคกูรยอในพุทธศตวรรษที่ 5 สมัยพระเจ้ากวางแกโตมหาราช
อาณาจักรมาฮัน ตั้งอยู่บริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของคาบสมุทรเกาหลี ก่อตั้งขึ้นโดยพระเจ้าจุนที่อพยพประชาชนมาจากโกโชซ็อน เมื่อ 194 ปีก่อนคริสต์ศักราช ภายหลังอาณาจักรมาฮั่นถูกผนวกเข้ากับอาณาจักรแพ็กเจ
อาณาจักรพยอนฮัน ตั้งอยู่บริเวณตอนใต้ของคาบสมุทรเกาหลี ก่อตั้งเมื่อพุทธศตวรรษที่ 4 พยอนฮันเป็นอาณาจักรสืบต่อจากอาณาจักรจินที่เคยรุ่งเรืองในปลายยุคโกโชซ็อนทางตอนใต้ของคาบสมุทรเกาหลี ภายหลังพยอนฮันถูกผนวกเข้ากับอาณาจักรคายา
อาณาจักรจินฮัน ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของคาบสมุทรเกาหลี รุ่งเรืองอยู่ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 1 ถึง พุทธศตวรรษที่ 4 ภายหลังถูกผนวกเข้ากับอาณาจักรชิลลา
เชื้อชาติ[แก้]
ประชากร ใน พ.ศ. 2555 ประชากรประมาณ 49,979,000 คน มีเชื้อสายมาจากเกาหลี จีน ฟิลิปปินส์ และเชื้อสายอื่นๆอีก

เชื้อชาติ : ประเทศเกาหลีแทบจะไม่มีชนชาติอื่นนอกจากคนเกาหลีเอง แต่ก็มีชาวจีนประมาณ 3 หมื่นคน ซึ่งอยู่ตามเขตเมืองหลวงมาช้านานแล้ว และยังมีชาวฟิลิปปินส์อีก 72,000 คน
ศาสนา[แก้]
ดูเพิ่มได้ใน พุทธศาสนาในเกาหลีใต้

ศาสนาในเกาหลีใต้
ศาสนา ร้อยละ
อศาสนา
  
46.5%
ศาสนาพุทธ
  
22.8%
โปรเตสแตนต์
  
18.3%
โรมันคาทอลิก
  
10.9%
อื่น ๆ
  
1.7%
ประเทศเกาหลีใต้ไม่มีศาสนาประจำชาติ และประชาชนมีอิสระในการนับถือศาสนา[1] ในปี ค.ศ. 2005 ประชากรเกาหลีใต้เกือบครึ่งหนึ่งเป็นอศาสนา ส่วนที่เหลือส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธหรือคริสต์ ต่อมาในปี ค.ศ. 2007 ได้มีการสำรวจสำมะโนประชากร พบว่าร้อยละ 29.2 นับถือศาสนาคริสต์ (ในจำนวนนี้เป็นโปรเตสแตนต์ร้อยละ 18.3 และคาทอลิกร้อยละ 10.9) รองลงมาคือร้อยละ 22.8 นับถือศาสนาพุทธ [2][3]

นอกจากนี้ยังศาสนิกของศาสนาอิสลาม ซึ่งเข้าสู่เกาหลีครั้งแรกในคริสต์ศตวรรษที่ 7[4] รวมทั้งลัทธิเกิดใหม่อย่าง ลัทธิช็อนโด และลัทธิว็อนบุล ทั้งยังมีการปฏิบัติศาสนกิจในลัทธิเชมัน ลัทธิดั้งเดิมของเกาหลีก่อนรับศาสนาอื่น[5] ซึ่งนับถือเทพเจ้าผู้สร้างคือ ฮวันอิน (คือ พระอินทร์ในพุทธศาสนา) ทั้งได้รับการนับถือในกลุ่มชาวคริสต์ทั้งคาทอลิกและโปรเตสแตนต์ด้วย[6]


โบสถ์คาทอลิกจ็อนดง

วัดแฮอินซา
ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีศาสนิกมากที่สุดในเกาหลีใต้ มีศาสนิกชนราว 13.7 ล้านคน[7] โดยประชากรราวสองในสามนิยมเข้าโบสถ์โปรเตสแตนต์ และประชากรร้อยละ 23 นิยมเข้าโบสถ์ของโรมันคาทอลิก อย่างไรก็ตามในช่วงปี ค.ศ. 1980 ศาสนิกชนเข้าโบสถ์โปรเตสแตนต์ลดลง เพราะการขยายตัวของนิกายโรมันคาทอลิก[8] แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเกาหลีใต้ถือเป็นประเทศที่มีการส่งมิชชันนารีออกเผยแผ่ศาสนามากเป็นอันดับสองของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา[9]

ศาสนาพุทธเข้ามามีบทบาทในเกาหลีตั้งแต่ปี ค.ศ. 372[10] จากการสำรวจสำมะโนประชากรในปี ค.ศ. 2005 มีศาสนิกชนราว 10.7 ล้านคน[7][11] ปัจจุบันชาวพุทธส่วนใหญ่ในเกาหลีใต้ร้อยละ 90 นับถือนิกายโจ-กเย ซึ่งศาสนวัตถุของพุทธศาสนาจำนวนมากได้กลายเป็นสมบัติประจำชาติ ซึ่งตกทอดมาจากยุครัฐเหนือใต้ และยุคโครยอที่ศาสนาพุทธมีความเจริญจนถึงขีดสุด และภายหลังศาสนาพุทธได้อ่อนแอลงจากการปราบปรามของราชวงศ์โชซ็อนซึ่งนับถือลัทธิขงจื๊อ[12]

ศาสนาอิสลามเคยเข้ามามีอิทธิพลในดินแดนเกาหลีตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 7 ในยุครัฐเหนือใต้[4] แต่ผู้สืบเชื้อสายได้หันไปนับถือศาสนาพุทธหรือเชมันแทน เนื่องจากเกาหลีขาดการติดต่อกับโลกอาหรับ[13] ปัจจุบันจากการเผยแผ่ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 มีชาวมุสลิมสัญชาติเกาหลีใต้ราว 30,000-35,000 คน[14] ขณะที่อิสลามิกชนส่วนใหญ่ราว 100,000 คนในเกาหลีใต้เป็นแรงงานชาวต่างชาติ[15] อาทิ บังกลาเทศ และปากีสถาน[16]

ในเกาหลีใต้มีการขัดแย้งทางศาสนาอยู่ ดังกรณีศาสนิกบางส่วนของศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ได้แสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อศาสนาพุทธ มีเหตุการณ์วางเพลิงและการกระทำที่ป่าเถื่อนกับศาลเพียงตาของพุทธศาสนารวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ หลายสิบครั้ง รวมทั้งการทำลายวัดขนาดใหญ่หลายแห่งในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา โดยมีเนื้อความระบุว่าผู้กระทำผิดเป็นชาวโปรเตสแตนต์ และมีข้อความหลงเหลืออยู่ซึ่งประณามการบูชา "รูปเคารพ"[17]

ภาษา[แก้]
วัฒนธรรม[แก้]
ดูบทความหลักที่: วัฒนธรรมเกาหลี
ศิลปะเกาหลีมีลักษณะเด่นหลายประการที่ทำให้เกิดแบบของตัวเอง ศิลปะเกาหลียกย่องธรรมชาติ และการใช้สีอ่อนและเรียบก็ปรากฏอยู่เสมอในภาพเขียนและเครื่องปั้นแบบเกาหลี

ศิลปะเกาหลี[แก้]

พระพุทธรูปในถ้ำซ็อกคูรัม
ศิลปะเกาหลีมีลักษณะเด่นหลายประการที่ทำให้เกิดแบบของตัวเอง ศิลปะเกาหลียกย่องธรรมชาติ และการใช้สีอ่อนและเรียบก็ปรากฏอยู่เสมอในภาพเขียนและเครื่องปั้นแบบเกาหลี วัฒนธรรมงานหัตกรรมพื้นบ้านคือศิลปะที่สืบทอดกันมาหลายร้อยปี งานไม้และเครื่องเขินของเกาหลีเป็นที่รู้จักกันดี โดยเน้นการออกแบบเพื่อประโยชน์ใช้สอยและความเรียบง่าย สิ่งสะดุดตาในงานไม้เกาหลีคือศิลปะการประดับมุก งานหัตกรรมโลหะทำด้วยทอง ทำด้วยสำริด ทางด้านพระพุทธศาสนามีการสร้างพระพุทธรูปสำริด ระฆังวัดที่หล่อด้วยสำริด เอกลักษณ์ของระฆังเกาหลีคือรูปร่างการออกแบบและเสียง ศิลปะเครื่องปั้นดินเผา เกาหลีเป็นประเทศที่เป็นที่ยอมรับในการพัฒนาศิลปะด้านนี้และเครื่องปั้นดินเผาที่มีชื่อเสียงคือ ศิลาดล เป็นเครื่องเคลือบที่มีความสดใส ฝีมือประณีต นิยมเคลือบด้วยสีขาวซึ่งพัฒนาให้สวยงามในยุคโกเรียว เพื่อการอนุรักษ์สิ่งดีงามตั้งแต่อตีด ทางการเกาหลีได้จัดตั้งโครงการสมบัติประจำชาติเกาหลีใต้ขึ้น

ศิลปะของนักปราชญ์ เดิมรูปแบบตัวอักษรเกาหลีและญี่ปุ่นเป็นอักษรจีน ซึ่งเป็นตัวเขียนที่ยังใช้อยู่ในเอเชียตะวันออกร่วมพันปี แม้ว่าหลังจากที่เกาหลี ประดิษฐ์อักษรฮันกึล ในปี พ.ศ. 1989 (ค.ศ. 1446) ตัวอักษรจีนยังคงใช้ในภาษาทางการ จนถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 เพราะว่าตัวอักษรจีนมีอยู่นับหมื่นตัว แต่ละตัวมีความแตกต่างกัน มีวิธีเขียนหลายแบบ หลายความหมาย การเรียนอ่านและการเขียนตัวอักษรจีนไม่ใชเรื่องง่าย ศิลปะการเขียนอักษรจีนได้เข้ามาในประเทศเกาหลีเมื่อ 1,500 ปีมาแล้ว

การเขียนตัวอักษรด้วยพู่กันเกาหลีเรียกว่า "บุดกึลซี" ต้องอาศัยปัจจัย 4 ของนักปราชญ์ ได้แก่ หมึก แท่งหินฝนหมึก พู่กันและกระดาษ ศิลปินเขียนพู่กันส่วนใหญ่มักเป็นทั้งนักปราชญ์และจิตรกร ศิลปินเหล่านี้อาจใช้พู่กันเล่มเดียวกันเขียนกลอนบรรยายภาพ ภาพวาดเกาหลี เป็นศิลปะที่มีธรรมเนียมนิยมของตนเองอย่างสมบูรณ์ จิตรกรรม ภาพจิตกรรมของเกาหลีมีมานานแล้ว สถาบันภาพวาดก่อตั้งขึ้นในยุคโกกุริวสถาบันแห่งนี้เน้นภาพวาดที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา รูปแบบจิตรกรรมที่หลากหลายได้พัฒนาสืบต่อกันมาจนถึงสมัยโซชอน พร้อมนำรูปแบบศิลปะจีนแบบใหม่รวมทั้งเทคนิคการวาดภาพแบบตะวันตก มีการใช้สีสันสดใสในภาพที่วาดเกี่ยวกับศาสนานี้
เครื่องแต่งกายประจำชาติของเกาหลี[แก้]

ฮันบก ชุดประจำชาติของเกาหลีใต้
ชาวเกาหลีมีชุดประจำชาติตั้งแต่สมัยโบราณ เรียกว่า ฮันบก (ฮันหมายถึงชาวเกาหลี บกหมายถึงชุด รวมกันหมายถึงชุดของชาวเกาหลี) ฮันบกทั้งของผู้หญิงและผู้ชายมีลักษณะหลวมๆ เพื่อความสะดวกสบายและคล่องแคล่วไม่ใช้กระดุมหรือตะขอ แต่จะใช้ผ้าผูกไว้แทน ชุดของผู้ชาย ข้างล่างประกอบด้วย "ปันซือ" แต่สมัยใหม่เรียกว่า "แพนที" ซึ่งหมายถึงกางเกงใน ชั้นนอกสวม "บาจี" เป็นกางเกงขายาวหลวมๆรวบปลายขาไว้ด้วย "แทมิน" เป็นแถบผ้าใช้มัดขากางเกง"บันโซเม" เป็นเสื้อรัดรูปแขนสั้นไว้ข้างใน เสื้อนอกเรียกว่า "จอโกลี" เป็นเสื้อแขนยาวไม่มีปกไม่มีกระเป๋า

ชุดของผู้หญิง ประกอบด้วย "แพนที" หรือกระโปรงที่อยู่ข้างใน ข้างบนใช้ "ซ็อกชีมา" เป็นแถบผ้าขนาดใหญ่ ใช้มัดทรวงอกไว้แทนเสื้อยกทรง ข้างนอกสวม "ชีมา" เป็นกระโปรงยาวกรอมเท้า สวมเสื้อ "จอโกรี" เป็นเสื้อนอกแขนยาว ฮันบกเป็นภาพรวมศิลปะของเกาหลีที่สามารถพบเห็นได้ตามท้องถนนของเกาหลี ราวกับถนนสายแฟชั่นของปารีส ฮันบกชุดแต่งกายประจำชาติของเกาหลีทำจากผ้าสีสันสดใส เนื้อผ้าจะขึ้นอยู่กับโอกาสและวัยของผู้ใส่ เด็กหญิงหรือหญิงสาวจะสวมกระโปรงสีแดงเสื้อสีเหลือง จะเปลี่ยนเป็นกระโปรงสีแดง เสื้อสีเขียวเมื่อแต่งงานแล้ว ส่วนหญิงสูงอายุอาจเลือกสีสันต่างๆ ที่สดใส และเลือกใช้เนื้อผ้าได้หลากหลาย

ปัจจุบันชุดแต่งกายวัฒนธรรมเดิมจะใช้เฉพาะโอกาสพิเศษเท่านั้น แต่ตามถนนหนทาง และรถไฟใต้ดินจะยังคงเห็นผู้คนสวมใส่กันอยู่บ้าง โดยเฉพาะผู้สูงอายุยังคงสวมใส่ชุดฮันบกอยู่



ของผู้หญิงนะคะ(ชอบวงนี้เปนพิเศษ555)


ของผู้ชายคร่าาา












ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น